สหรัฐฯ อ้าง รัสเซียกำลังพัฒนาอาวุธในอวกาศ โดยอาจเป็น “อาวุธนิวเคลียร์”

ไมค์ เทิร์นเนอร์ ประธานคณะกรรมการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เปิดเผยต่อรัฐสภาและพันธมิตรในยุโรปว่า คณะกรรมการฯ มีข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามความมั่นคงระดับชาติที่ร้ายแรง เป็นอาวุธของรัสเซียที่อยู่ในอวกาศเพื่อการต่อต้านดาวเทียม

รายงานดังกล่าวทำให้เกิดความกังวล เพราะมีความเป็นไปได้ว่า อาวุธดังกล่าวอาจเป็น “อาวุธนิวเคลียร์” ซึ่งอันตรายอย่างยิ่ง

สหรัฐฯ เตือน ยูเครนอาจเสียเมืองอัฟดีฟกาในโดเนตสก์ให้กับรัสเซีย

รัฐบาลเมียนมาตั้งเป้าหมาย เกณฑ์ทหารเข้ากองทัพปีละ 50,000 นาย

ทหารอิสราเอลจู่โจมโรงพยาบาลในฉนวนกาซา จับสมาชิกกลุ่มฮามาสได้

นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีแนวโน้มว่าอาวุธดังกล่าวจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในดาวเทียมเกิดขัดข้องหรือถูกเผาไหม้มากกว่าจะเป็นการใช้หัวรบนิวเคลียร์ระเบิดเพื่อยิงให้ดาวเทียมตก

ทำเนียบขาวยืนยันว่า กำลังจับตาดูอาวุธต่อต้านดาวเทียมตัวใหม่ของรัสเซีย โดยระบุว่าเป็นอาวุธที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาแต่ยังไม่ได้ใช้งานจริง และบอกว่า นี่เป็นภัยคุกคามที่น่าหนักใจ แต่ยังไม่ใช่ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของใครก็ตาม

จอห์น เคอร์บี โฆษกความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธโดยตรงว่า อาวุธใหม่ของรัสเซียจะเป็นอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ แต่บอกเพียงว่ามันเป็น “อาวุธในอวกาศ” และละเมิดสนธิสัญญาอวกาศปี 1967 ซึ่งห้ามการส่งอาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธทำลายล้างสูงอื่น ๆ ขึ้นไปในอวกาศ

 สหรัฐฯ อ้าง รัสเซียกำลังพัฒนาอาวุธในอวกาศ โดยอาจเป็น “อาวุธนิวเคลียร์”

“ผมสามารถยืนยันได้ว่า อาวุธที่รัสเซียกำลังพัฒนานี้ เกี่ยวข้องกับความสามารถในการต่อต้านดาวเทียม” เคอร์บีกล่าวคำพูดจาก เครื่องสล็อต

เขาเสริมว่า “นี่ไม่ใช่ขีดความสามารถเชิงรุกที่ถูกใช้งาน และถึงแม้ว่าการแสวงหาขีดความสามารถเฉพาะนี้ของรัสเซียจะเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ แต่ก็ไม่มีภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของใครก็ตามในทันที เราไม่ได้กำลังพูดถึงอาวุธที่สามารถใช้โจมตีมนุษย์หรือก่อให้เกิดการทำลายล้างทางกายภาพบนโลกได้ อย่างไรก็ตาม เราได้ติดตามกิจกรรมของรัสเซียนี้อย่างใกล้ชิด และเราจะดำเนินการอย่างจริงจังต่อไป”

ด้านรัฐบาลรัสเซียออกมาตอบโต้ว่า คำกล่าวอ้างของสหรัฐฯ เป็น “การปลอมแปลงที่เป็นอันตราย” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกดดันให้สภาคองเกรสอนุมัติเงินเพิ่มเติมสำหรับยูเครน

ก่อนที่จะมีการลงนามสนธิสัญญาอวกาศในปี 1967 สหรัฐฯ เคยทำการทดสอบนิวเคลียร์ในระดับความสูงหลายครั้ง โดยการทดสอบที่ใหญ่ที่สุดคือ “สตาร์ฟิชไพรม์” (Starfish Prime) ในเดือน ก.ค. 1962 ซึ่งทำให้ท้องฟ้าส่วนใหญ่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกสว่างไสว และทำให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าที่คาดไว้มาก รวมถึงทำให้เกิดการก่อตัวของแถบรังสีรอบโลก ซึ่งทำให้ดาวเทียมทำงานผิดปกติ

สตาร์ฟิชไพรม์แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาหรือใช้อาวุธนิวเคลียร์ในอวกาศอาจส่งผลกระทบต่อดาวเทียมทุกดวงในวงโคจรโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งทำให้เกิดการลงนามในสนธิสัญญาอวกาศในอีก 5 ปีต่อมา

จอห์น ล็อกส์ดอน ผู้ก่อตั้งสถาบันนโยบายอวกาศของมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน กล่าวว่า หากรัสเซียตั้งใจที่จะเปิดตัวอาวุธนิวเคลียร์ต่อต้านดาวเทียม ก็อาจหมายความว่า “รัสเซียได้พัฒนาระบบที่มีเทคโนโลยีซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งผลกระทบของมันนั้นมีจำกัด”

ในทางกลับกัน หากอาวุธใหม่นี้มีลักษณะเป็นยานอวกาศพลังงานนิวเคลียร์ที่ออกแบบมาเพื่อรบกวนดาวเทียมอื่น ๆ ล็อกส์ดอกล่าวว่า จะถือเป็นการหวนคืนสู่อดีตของโซเวียต ซึ่งเคยใช้ยานอวกาศลักษณะดังกล่าวหลายลำ

ในปี 1978 ดาวเทียมที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ของโซเวียตชื่อ คอสมอส 954 (Kosmos 954) เกิดขัดข้องและตกทางตอนเหนือของแคนาดา ทำให้เกิดกัมมันตภาพรังสีกระจายไปทั่วพื้นที่หลายร้อยไมล์

เรียบเรียงจาก The Guardian / Reuters

ตรวจหวยงวดนี้ – ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ลอตเตอรี่ 16/2/67

ตรวจผลออกรางวัลสลากออมสินพิเศษ 1 ปี งวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567

รู้จัก สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 คนนับหมื่นแห่เก็บภาพก่อนเปิดใช้จริง

You May Also Like

More From Author